หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน






ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  พระบูชา
  พระเหรียญ
  พระผง
  เครื่องราง
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    เรียงความชีวิตของผม กฤชติณท์ วสนาท

    เรียงความชีวิตของผม กฤชติณท์ วสนาท

    ชีวิตของคนเรานั้นเลือกเกิดไม่ได้จะเลือกให้ตายก็ยังไม่ได้อีก ชีวิตเด็กหนุ่มที่มีแต่ความสดใสร่าเริงมีอนาคตที่สดใสและยาวไกลอย่างผม อนาคตของผมต้องมาดับวูบลงเพียงชั่วข้ามคืนเดียว ช่วงที่ผมประสบอุบัติเหตุใหม่ๆชีวิตของผมมันเหมือนตกนรกทั้งเป็นจริงๆ  มันช่างแสนทรมานแสนเศร้า ผมอยากจะตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ท่านผู้อ่านเชื่อไม๊ถึงผมอยากฆ่าตัวตาย แต่เคราะห์กรรมของผมมันหนักหนาสาหัสนัก ตอนนี้ผมพิการเป็นอัมพาตทั้งตัวไม่สามารถขยับเขยือนแขนขาได้เลย แล้วผมจะเอาปัญญาที่ไหนมาทำได้เล่าครับ

    ผมชื่อ กฤชติณท์ วสนาท หรือป๊อปครับ เกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2533 ผมเป็นพี่ชายคนโตและมีน้องสาวอีกหนึ่งคน เราสองคนพี่น้องเป็นคนนครสวรรค์ ผมเคยศึกษาด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพและวีดีทัศน์ ตอนเรียน ป.ว.ช. ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ ผมสอบติดที่มหาลัยวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เมื่อปี 2552 คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน สาขาเทคโนโลยีการถ่ายภาพและภาพยนตร์ เพราะผมมีความฝันอยากเป็นช่างภาพมืออาชีพ การใช้ชีวิตในช่วงเรียนที่ราชมงคลธัญบุรีส่วนมากจะมีแต่เรื่องการทำงาน มีรุ่นพี่รุ่นน้อง มีความรัก และเรียนอย่างหนัก จึงไม่ค่อยมีเวลาให้ผมได้ไปมีเรื่องเกเรกับใครต่อใครเท่าไหร่ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมทั้งเหนื่อยทั้งมีความสุขมากๆครับ

    จนมาถึงช่วงปีใหม่ของปี 2554 ผมกลับไปเที่ยวปีใหม่ที่บ้านเกิดที่จังหวัดนครสวรรค์ เกิดเหตุทะวิวาทในหมู่เพื่อนฝูงวัยรุ่นแถวบ้านครับ แล้วกรรมของผมก็เริ่มเกิดตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา มันทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปทั้งชีวิตอย่างไม่มีวันจะย้อนกลับมาใหม่อีกได้เลย "กระสุนลูกหลงที่พวกมันจะยิงกันพลาดมาโดนที่ท้ายทอยผม" ผมโดนลูกหลงยิงที่ท้ายทอย คมกระสุนของมันตัดเส้นประสาททำให้ร่างกายของผมสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไป คุณหมอบอกว่าสาเหตุมาจาก การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง ระดับคอข้อที่ 5 (spinalcord injury c5) มันคือกรรมแต่ชาติปางก่อนของผมหรือเช่นไรครับ

    ช่วงแรกผมนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลที่จังหวัดนครสวรรค์นานเกือบสองเดือน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่แสนทรมารจริงๆครับ เพราะผมไม่มีความรู้สึกตั้งแต่ระดับคอลงไป ขยับอะไรๆก็ไม่ได้เลย แล้วยังต้องใส่ปลอกคอแข็งๆที่คอผมอีก ผมนอนเป็นไข้อยู่เป็นเดือนเจ็บปวดจากรอยบาดแผลที่คออย่างมากมาย แถมยังต้องหวาดระแวงจากพวกมดที่มันคอยจะขึ้นมากินอะไรก็ไม่รู้ที่แผลที่คอผมอีก ผมต้องคอยเรียกคนมาช่วยพลิกตะแคงตัวให้ตลอดเวลา เรื่องขับถ่ายที่เคยทำได้เองวันนี้ผมต้องให้คนอื่นมาคอยช่วยเหลือทำให้ ผมว่ามันเป็นสิ่งแปลกใหม่นะครับ กับการที่เราต้องนอนทานอาหารอร่อยๆ กับการนอนหงายแปรงฟัน ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมมันเปลี่ยนใหม่ไปหมดเลย ยกเว้นอย่างเดียวครับ ที่คนอย่างผม ''กฤชติณท์ วสนาท'' ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนก็คือ ผมไม่เคยหมดความหวัง ไม่เคยหมดความศรัทธา ไม่เคยหมดความเชื่อ  และผมก็ไม่เคยหมดกำลังใจครับ 

    การที่ผมต้องคอยเรียก คอยอาศัยคนอื่น ให้คนอื่นมาคอยช่วยเหลือดูแลชีวิตผมนั้น มันทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตผมมันไร้ค่าไร้ราคาสิ้นดีเลยจริงๆครับ บางทีผมก็เห็นแม่แอบปาดน้ำตาไม่ให้ไหลต่อหน้เรา เพราะท่านไม่อยากให้เราทุกข์ใจ ไม่อยากให้เราอ่อนแอ มันกลับกลายเปลี่ยนมาเป็นพลังในการที่ผมจะต้องต่อสู้กับชะตาชีวิต ต่อสู้กับสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผม จนในสมองของผมมันบอกว่าจะไม่มีคำว่าเราคือคนพิการ หรืออะไรๆทางด้านลบๆที่จะทำให้เราไม่สู้ได้อีกแล้ว ที่ผ่านมาเป็นเพียงความคิดชั่ววูบที่มาแล้วก็ให้มันผ่านไปเหมือนดั่งลมที่พัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเถอะนะเรา 

    หลังจากนั้นมาผมก็จะคอยบอกแม่ผมว่า ให้แม่รอวันฟ้าหลังฝนนะแม่ จิตใจผมขณะนั้นมีแต่ความเด็ดเดี่ยว ดุดัน พร้อมเสมอไม่กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือตามมาอีกแล้วครับ จนผมได้ย้ายกลับมาพักที่บ้านที่ จ.ปทุมธานี เพื่อรอไปทำกายภาพที่ จ.สมุทรปราการ ผมมาทำกายภาพที่นี่นานถึง 9 เดือน จนได้รู้และศึกษากับสิ่งที่เป็นอยู่ อย่างกระจ่างแจ้งด้วยการเปิดหนังสือของแพทยอ่าน จนรู้ถึงความสามารถทางร่างกายในขณะนั้น ช่วงเวลานี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยนทางความคิด ผมคิดที่จะหาอะไรทำให้เป็นอาชีพแบบจริงจัง ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายที่บ้านไปด้วย โดยเริ่มจากการค้นคว้าทางอินเตอร์เน็ตว่าอาชีพแบบไหนดี ที่จะเหมาะสมกับเราที่สุด โดยมองไปที่ด้านการค้าก่อนเป็นอันดับแรกแต่ก็ยังไม่พบครับ 

    แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็ทบทวนวิชาเก่าๆที่ได้เรียนมาในด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิคและมัลติมีเดีย ผมมีความรู้ความสามารถในการใช้โปรแกรม adobe photoshop,adobe illustrator,adobe premier เป็นต้น แต่มันก็ยังไม่ใช่สำหรับผมในเวลานั้น จนมีวันนึง ผมคิดอยากลองวาดภาพดูบ้าง เพราะก่อนหน้านี้ความฝันอีกอย่างในชีวิตของผมก็คือจิตกรครับ ผมจึงวานให้แม่หาซื้อสีและพู่กันมาให้ จุดเริ่มต้นชีวิตจิตกรของผมนั้น ผมเริ่มจากพู่กันจากร้านของขายเร่สามอย่างยี่สิบ และสีน้ำเน่าๆที่บีบออกมาแล้วแข็งบ้างเหลวบ้าง ผสมกับน้ำแล้วเนื้อสีกับน้ำไม่เข้ากันมั่ง แต่ตอนนั้นก็ถือว่าผมมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบแล้ว 

    สิ่งที่ขาดเพียงอย่างเดียวในเวลานั้นของผมก็คือร่างกายของผมเอง มันเป็นปัญหาใหญ่มากกับการที่ผมอยากจะเป็นจิตกร ก็คือผมพิการเป็นอัมพาตทั้งตัวไม่สามารถขยับแขนขาได้เลย จะขยับได้บ้างหลังจากที่ผมผ่านการฝึกกายภาพบำบัดเบื้องต้นมา ก็คือแขนขวาของผมที่สามารถยกขยับขึ้นได้นิดหน่อยเองครับ ผมลืมนึกไปว่านิ้วผมไม่สามารถที่จะจับพู่กันได้ ผมจึงได้คิดทดลองหาวิธีกับยายของผม ตอนแรกผมทดลองเอาหนังยางมามัดให้พู่กันติดกับนิ้วมือของผมดู แต่สิ่งที่ได้มานั้นก็คือรอยแผลที่เกิดจากการรัดของหนังยาง แต่มันไม่สามารถทำให้ผมเขียนภาพได้ ผมจึงต้องลองคิดและหาหนทางใหม่ 

    แล้วก็มีวันนึงผมได้ดื่มนมเปรี้ยวที่แม่ซื้อมาให้ ผมเลยลองนำขวดนมเปรี้ยวที่ใช้แล้วนำกลับมารีไซค์เคิล โดยการเอาขวดมาเจาะรูที่ก้นขวด แล้วก็เปลี่ยนจากหนังยางมาเป็นสายรัดที่มีความกว้างจากเดิมจนทำให้อุปกรณ์ยึดเกาะกับร่างกายได้มากขึ้น ไม่ขยับไปมาเวลาผมวาดหรือระบายสี แล้วนั้นคือจุดเริ่มของการเขียนภาพด้วยวิธีการใช้ขวดนมของผมจนมาถึงปัจจุบันนี้ครับ ตอนนี้ผมก็เลยยึดอาชีพการเขียนภาพควบคู่ไปกับการศึกษาธรรมะไปด้วย ความใฝ่ฝันของผมก็เลยได้เปลี่ยนจากช่างภาพมืออาชีพกลับกลายมาเป็นคนเขียนภาพมืออาชีพ(น่าจะได้เป็นจิตกรเอกในไม่ช้านี้แล้ว 555) 

    เป้าหมายในชีวิตของผมตอนนี้ที่ตั้งใจไว้ก็คือ การเป็นจิตรกรพิการแบบมืออาชีพครับ ความหวังต่อมาของผมคือ ผมจะต้องเลี้ยงตัวเองได้พึ่งพาตนเองได้ และเป้าหมายสูงสุดของชีวิตผมในเวลานี้ถ้ามีโอกาสทำได้ก็คือ การสร้างหอศิลป์สำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาส เพื่อเอาไว้จัดแสดงงานเฉพาะผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส เพื่อช่วยสนับสนุนงานศิลปะสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสโดยเฉพาะ

    เพื่อทำให้คนทั่วโลกได้รู้ว่าคนที่มีความพิการรุนแรงอย่างพวกผม ก็มีความรู้ ความสามารถ มีคุณค่า มีราคา และมีประโยชน์ต่อสังคมได้ ไม่ได้อยู่เพื่อเป็นภาระของใครๆเสมอไปครับ และยังจะทำให้ผู้พิการนั้นๆได้มีส่วนร่วมกับสังคม มีจุดยืนที่ชัดเจนกว่าที่จะต้องคอยวาดภาพอยู่แต่ในบ้าน แล้วไม่มีใครเห็น ไม่มีใครซื้อ จริงๆแล้วผมว่ายังมีคนพิการที่มีฝีมืออีกเยอะมาก ที่ทำงานออกมา ได้สวย ได้ดี เพียงแต่พวกเค้าขาดการสนับสนุนและพื้นที่ให้พวกเค้าได้แสดงออกในสังคมครับ 

    ขอขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่ใจดี คุณอาวิทย์ วัดอรุณและพี่ๆทีมงานกะฉ่อนดอทคอมทุกๆท่าน ที่ได้เปิดโอกาส เปิดพื้นที่ของ WWW.KACHON.COM ให้ผมได้มีโอกาสได้เล่าเรื่องราว "เรียงความชีวิตของผม กฤชติณท์ วสนาท" ให้พี่น้องท่านผู้ชม ท่านผู้ฟังทั้งหลายได้รับรู้เรื่องราวชีวิตและผลงานของผม หากท่านพี่น้องท่านผู้ชมผู้ฟังสนใจผลงานของผม ท่านสามารถติดตามรับชมรับฟังผลงานของผมในตอนต่อไปได้ที่ เว็บไซต์กะฉ่อนดอทคอม แห่งนี้ครับ หรือจะติดต่อผมโดยตรงได้ที่เบอร์ 084-152-0445 หรือที่เฟชบุ๊คของผมชื่อ Pop Snap Shot ครับ

    เขียนและเรียบเรียงโดย จิตรกรผู้พิการ กฤชติณท์ วสนาท

     

    .......
    เหรียญพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ 
    http://www.pra.kachon.com/pra/detail.asp?id=1801

     

     


    • Update : 14/6/2558
    © Copyright 2011 www.watbangwaek.com All rights reserved