หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน






ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  พระบูชา
  พระเหรียญ
  พระผง
  เครื่องราง
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
CC010 59.00  1
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระเครื่องพระธรรมสำคัญพอกัน

    "มนุษย์โครงเดินโคลงเครง เคว้งคว้าไขว่คว้าเพียงโครง มนุษย์โครงโหรงเหรง เป็นเข่งรีบเร่งเดินโทงโทง ขโยงหย่อมเก็บโครงกลวงโพรง มนุษย์โครงโขมงเขม็งเป็นเข่ง รีบเร่งเดินโทโทง... "

     นี่คือบางส่วนของบทกวี "มนุษย์โครง" ของ อาจารย์นิรันดร์ ไพจิตร นักวาดภาพและกวีชื่อดังแห่งวงการวาดภาพ วงการนักเขียน และเจ้าของฉายา "จอมยุทธพลังฝ่ามือ"

     สำหรับที่มาของฉายา  "จอมยุทธพลังฝ่ามือ"  ซึ่งเป็นวิธีการวาดภาพด้วยฝ่ามือโดยไม่ใช้ภู่กันนั้น อ.นิรันดร์ บอกว่า ไม่ได้เรียนจากอาจารย์วาดภาพคนไหน และก็ไม่ได้เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดจากความไม่มีจะกิน แร้นแค้น อดอยาก  ไม่มีพู่กันที่จะจุ่มสีมาวาด จึงใช้มือเขียนภาพแทนพู่กัน ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่า จะเป็นภาพที่ได้รับความนิยมจากหมู่นักสะสมภาพ   ทั้งงานวาดภาพและงานเขียนของ อ.นิรันดร์ ตัวเองทั้งหมดจะแฝงไปด้วยพุทธปรัชญา และปรัชญาชีวิต โดยจะเน้นด้านกุศลกรรม

     ทั้งนี้ อ.นิรันดร์ มีเป้าหมายในการเขียนงานทุกชิ้น และวาดภาพทุกภาพว่า ในบั้นปลายชีวิตตั้งใจว่า งานเขียนทั้งหมดจะมีส่วนช่วยในการเผยแผ่พุทธศาสนา โดยมีโครงการหนึ่ง ที่จะจารึกผลงานไว้ในแผ่นดิน คือ การวาดภาพฝาผนังอุโบสถวัดคลองปรือ อ.มะขาม จ.จันทรบุรี  ลักษณะภาพวาดมหรสพทางวิญญาณ ในรูปแบบของตนเอง เนื่องจากที่ผ่านมานั้น ผู้วาดภาพฝาผนังส่วนใหญ่จะเป็นการวาดภาพที่มีลักษณะเรื่องราวตามๆ กันมา ซึ่งทำให้ภาพวาดของวัดทุกแห่งเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงฝีมือผู้วาดภาพเท่านั้น

     ในจำนวนภาพวาดทั้งหมด  มีอยู่ภาพหนึ่งที่ อ.นิรันดร์ ใช้เวลาวาดมากว่า ๑๘ ปี แล้วยังวาดไม่เสร็จ คือ ภาพอักขระอาจารย์ ขนาดประมาณ ๓ เมตร โดยได้แต่งบทกวีเพื่ออธิบายภาพไว้ด้วยว่า  "หากที่สุดฉุดพ้นบาดาล อักขระอาจารย์สากลโลก ก่อปัญญาเพื่อห่างโศก ห่อหุ้มโลกด้วยพระธรรม พระทรงเพียรวิริยะ ตัดและละกิเลสล้ำ ตรวจจิตรพิจประจำ เหตุผลนำพระปัญญา ปลูกดอกไม้จักรวาล อบอวนซ่านทุกเวหา ดาษเดื่อนพื้นประสุธา คือหัตถาพระอักขระอาจารย์"

     ความเหมือนกันอย่างหนึ่งของพระเครื่อง การภาพวาด ในมุม ของ อ.นิรันดร์ คือ ราคาอยู่ที่ความพอใจของผู้ซื้อ และผู้ขาย เป็นสาระสำคัญ พระเครื่องบางองค์แม้ว่าจะมีราคานับล้านบาท แต่ถ้าลองชอบพอกันก็มีการมอบให้ฟรีๆ  เป็นที่ระลึก แต่ถ้าลองไม่ชอบพอกัน ก็มีการตั้งราคาสูงๆ ไว้  เพื่อจะซื้อไม่ได้ ภาพวาดก็เช่นกัน บางภาพให้ฟรีก็มี เพราะชอบพอกัน แต่ถ้าไม่ชอบพอกัน ต่อให้ขอซื้อราคาแพงเท่าใดก็ไม่ขายให้

     และครั้งหนึ่งเคยวาดภาพแลกกับ เขี้ยวเสือ หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน หรือ วัดบางเหี้ย

     "ภาพเขียนของผมยังไม่เคยจัดแสดงให้สาธารณชนได้ชมอย่างถาวร มีการจัดแสดงบ้างในบางโอกาส ส่วนใหญ่จะอยู่ในมือของนักสะสมหลายระดับ ส่วนใหญ่จะเป็นคณบดี และผู้มีอันจะกิน แต่ไม่ได้หมายความว่า คนมีตังค์จะขอซื้อภาพผมได้ทุกภาพ แม้ว่าตังค์จะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิต แต่การขายภาพของผมไม่ได้หวังเพียงตังค์เท่านั้น ผมจะขายให้ก็ต่อมื่อคนที่เห็นคุณค่าและอยู่ในความพอใจเท่านั้น ซึ่งรูปแบของคนสะสมภาพนั้น มี ๓ เหตุผล คือ ๑.สะสมด้วยความรักและชื่นชมผลงาน ๒.สะสมด้วยความรักและชื่นชมศิลปินผู้วาดภาพ และ ๓.สะสมด้วยกระแส ซึ่งในส่วนตัวแล้ว อยากให้คนสะสมด้วยความชื่นชมผลงานมากกว่า" อ.นิรันดร์กล่าว

       พร้อมกันนี้ อ.นิรันดร์ ได้อธิบายให้ฟังว่า การเสพความงดงามของภาพวาดที่แฝงด้วยพุทธปรัชญานั้น ไม่ได้อยูที่ว่า เป็นผู้มีการศึกษาสูง หรือมีความรู้เรื่องการดูภาพ  หากอยู่ที่เป็นคนมีจิตว่างสะอาดหรือไม่ เพราะภาพวาดแนวพุทธปรัชญา เปรียบเหมือนกระจกที่ใส ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เด็กๆ ซึ่งมีจิตใสบริสุทธิ์จะเห็นความงดงามของภาพ มากกว่าผู้ใหญ่ที่มีจิตเจือปนความไม่เข้าใจในความหมายของภาพวาดเกิดจากจิตรที่ยังไม่ก่อตัว หากจิตก่อตัวมีสมาธิดีก็จะเข้าใจพุทธปรัชญา ที่แฝงไว้ในภาพ แต่คนส่วนใหญ่จะติดโครงสร้างโครงร่างของภาพ ซึ่งรูปธรรมจึงไม่เข้าถึงพุทธปรัชญาที่แฝงไว้ในภาพซึ่งเป็นนามธรรม

    แม้ว่า อ.นิรันดร์ จะมีความเข้าใจหลักธรรมคำสั่งสอนในพุทธศาสนาจ ถึงกับสามารถสร้างสรรค์บทกวี และภาพวาดออกมาในแนวพุทธปรัชญา แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน คือ พระเครื่อง

    และพระเครื่องที่ศรัทธามากเป็นพิเศษ คือ พระสมเด็จ ของ หลวงปู่โต ทั้งนี้ อ.นิรันดร์ ยืนยันว่า "พระเครื่องทุกองค์ที่นิมนต์ไว้กับตัว เพราะมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง" 

    อย่างไรก็ตาม อ.นิรันดร์ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยแขวนพระองค์ใดๆ มาก่อนเลย เพราะคิดอยู่เสมอว่า อะไรจะสำคัญเท่าพระธรรม เมื่อทำดีความดีย่อมคุ้มครองผู้ทำดี  แต่ความจริงแล้ว ในพระเครื่องมีพลังบารมีที่พระเกจิอาจารย์ทั้งยุคใหม่ยุคเก่าแผ่บารมีอธิษฐานจิตไว้ โดยเมื่อ ๓ ปีที่แล้ว ได้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งนี้ได้ขับรถไปคุยกับเพื่อนที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยออกจากบ้านเพื่อนประมาณตีหนึ่ง ระหว่างขับเข้าโค้งช่วงเขาย้อย  มีเสียงคนแก่มากระซิบที่หูว่า ให้จอดรถตรวจเช็กดู จึงลองจอดรถดูแล้ว ก็ตรวจดูสภาพของเครื่องตามเสียงกระซิบ  ปรากฏว่า น้ำมันเครื่องขาดไปจากเกณฑ์มาตรฐาน และเป็นเรื่องแปลกมาก ที่ในรถมีน้ำมันหล่อลื่นอยู่ ๑ ลิตร ซึ่งสามารถเติมได้อย่างพอดี ในวันนั้นมีพระหลวงปู่ทวดเพียงองค์เดียว

    เมื่อถามถึงการสร้างสมาธิในการวาดภาพ อ.นิรันดร์ ตอบว่า สร้างสมาธิด้วยการส่องพระ ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่า เป็นเรื่องไร้สาระ เสียเวลา ทั้งๆ หลายคนส่องพระองค์เดียวซ้ำๆ กันหลายหน จะส่องไปทำไม แต่หารู้ไม่ว่า ระหว่างการส่องพระเครื่องนั้น เป็นการเจริญสติ จิตจดจ่ออยู่ที่พุทธลักษณะ เนื้อหามวลสารขององค์พระ เมื่อจิตเป็นสมาธิ ปัญญาก็เกิด จึงเริ่มลงมือวาดภาพ 

    อ.นิรันดร์ พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "ใครที่พูดว่า มีพระธรรมอยู่ในใจ ไม่จำเป็นต้องแขวนพระเครื่อง เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ต้องขึ้นอยู่ที่ว่า จิตของผู้นั้นนิ่งแค่ไหน เช่นเดียวกับคนที่คิดว่า ไม่จำเป็นต้องทำบุญใส่บาตร เพราะเป็นคนดีมีศีลธรรมอยู่แล้ว ใครคิดอย่างนี้ก็ถูกเหมือนกัน แต่ถ้าทำบุญด้วย เป็นคนดีมีศีลธรรมด้วย ก็เท่ากับว่า เป็นการเพิ่มบุญบารมีให้กับตัวเองมิใช่หรือ ผมเชื่อว่า ปาฏิหาริย์ของพระธรรม และพระเครื่องมีจริง โดยไม่มีข้อสงสัย หรือต้องหาหลักฐานอะไรมายืนยันคำอธิบาย"

    "ไตรเทพ ไกรงู"
    คอลัมน์ : สรณะคนดัง


    • Update : 7/4/2554
    © Copyright 2011 www.watbangwaek.com All rights reserved