หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน






ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  พระบูชา
  พระเหรียญ
  พระผง
  เครื่องราง
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    ลดเค็ม ยืดอายุ

    ลดเค็ม ยืดอายุ

    เค็ม เค็ม ใครที่รับประทานอาหารรสเค็มจัดต้องระวัง เพราะนั่นเป็นสาสาเหตุส่วนหนึ่งของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง เพื่อความปลอดภัย เรามาร่วมมือกันลดการกินเค็มกันนะคะ

    การกินอาหารรสเค็ม นอกจากจะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้นแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้นอีกด้วย นั่นเพราะเกลือจะไปลดประสิทธิภาพของยาลดความดันโลหิต และยังมีผลต่อการทำงานของหัวใจและไตด้วย

    ที่สำคัญก็คือเราบริโภคอาหารเค็มเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว นั่นก็เพราะว่าอาหารปรุงสำเร็จแต่ละชนิดมักจะมีเกลือเป็นส่วนประกอบอยู่มากเกินที่เรา ควรรับประทาน ในขณะที่เราควรบริโภคเกลือเพียงวันละ 1 ช้อนชา หรือไม่เกิน 6 กรัมเท่านั้น
    การวัดปริมาณเกลือที่เรากิจนั้นทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ได้ผลเป็นที่น่าเชื่อถือ คือ การเก็บปัสสาวะมาตรวจ พบว่าเราบริโภคเกลือเฉลี่ยสูงถึง 9 กรัมต่อวันทีเดียว ซึ่งนั่นอาจก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและผลเสียอื่นๆ ตามมาในระยะยาวตามมาด้วย

    ดังนั้น เราควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด เช่น กะปิ ปลาเค็ม ไข่เค็ม อาหารสำเร็จรูปที่มีเกลือมาก ค่อยๆ ลด และพยายามเลิกการเติมน้ำปลา ซีอิ๊ว และซอสปรุงรสต่างๆ ในอาหาร รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและโคเลสเตอรอลสูง เช่น เนย กะทิ ไข่แดง หนังสัตว์ เครื่องในสัตว์ หอยนางรม กุ้ง ปลาหมึก อาหารประเภททอดทั้งหลาย รวมถึงเฟรนช์ฟรายด้วยนะคะ

    นิตยสารฉลาดซื้อเก็บตัวอย่าง เฟรนช์ฟรายขนาดใหญ่ จากร้านอาหารจานด่วน ทดสอบปริมาณเกลือเมื่อเดือนมีนาคม 2553 นั้นทั้ง 6 ตัวอย่างของเฟรนช์ฟรายที่ทดสอบ มีปริมาณเกลือในระดับที่สูง มีปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 1.48 กรัม/100 กรัม เทียบน้ำหนักต่อห่อของเฟรนช์ฟรายจะพบว่า 1 ห่อมีน้ำหนักอยู่ที่ 150 – 200 กรัม ซึ่งหากใช้ปริมาณเฉลี่ยที่ตรวจพบเป็นฐานคิดจะพบว่าในการบริโภคเฟรนช์ฟราย 1 ห่อจะได้รับเกลือเข้าร่างกายประมาณ 2.2 กรัม – 2-9 กรัม/หน่วยบริโภค ซึ่งเกือบจะเทียบเท่าหรือสูงกว่าปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทย(Thai RDI) เลยทีเดียวคะ  และในทางกลับกันเราควรเพิ่มการบริโภคผักและผลไม้สดค่ะ

    เมื่ออายุมากขึ้น ความดันโลหิตก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ใหญ่ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นระยะๆ เพื่อให้การวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องแต่เนิ่นๆ เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการใดๆ ดังนั้น การที่เราสบายดีจึงมิได้หมายความว่าเราไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ในคนปกติความดันโลหิตควรมีค่าน้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท และควรวัดอย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 1 นาที แล้วใช้ค่าเฉลี่ยรายงานผล

    โรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคเรื้อรัง ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ควบคุมได้ด้วยยาลดความดันโลหิต ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอัมพาต ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจ และไตวายเรื้อรัง ร่วมกับการแนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น ลดการกินเค็ม ซึ่งจะมีผลช่วยลดความดันโลหิตเสริมจากการใช้ยาค่ะ


    อ้างอิงข้อมูลจาก ผศ.พญ. วีรนุช รอบสันติสุข ภาควิชาอายุรศาสตร์


    • Update : 9/10/2555
    © Copyright 2011 www.watbangwaek.com All rights reserved