โลหะปราสาทเป็นศาสนสถาน
โลหะปราสาทเป็นศาสนสถานอยู่ในวัดราชนัดดารามวรวิหาร วัดตั้งอยู่ใกล้กับป้อมมหากาฬ ติดกับลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ สถานที่รับแขกเมือง เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ใกล้กับวัดเทพธิดาราม
โลหะปราสาท หมายถึง คฤหาสน์ที่มียอดเป็นโลหะ มีอยู่ 3 แห่งในโลก แห่งแรกอยู่ในประเทศอินเดีย บันทึกไว้ว่า สร้างโดยนางวิสาขา ลูกสาวเศรษฐีเมืองสาวัตถี ด้วยความศรัทธาในศาสนา จึงนำเครื่องประ ดับมาประมูลแล้วนำเงินสร้างที่อยู่ให้พระสงฆ์ มีลักษณะเป็นปรา สาท 2 ชั้น 1,000 ห้อง ยอดปราสาททำด้วยทองคำ มี ชื่อว่า มิคารมาตุปราสาท ปัจจุบันพังไปแล้ว
โลหะปราสาทแห่งที่ 2 อยู่ที่ประเทศศรีลังกา สร้างประมาณปี พ.ศ.382 โดยพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย กษัตริย์แห่งอนุราธปุระ ภายหลังถูกไฟไหม้และถูกทำลาย แต่ยังคงเหลือซากปรักหักพังให้เห็น
โลหะปราสาทของไทย ยอดของเจดีย์ทุกองค์ทำจากโลหะสีดำ แต่ไม่เป็นสนิม บนยอดปราสาทประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เป็นโลหะปราสาทแห่งที่ 3 ของโลก ยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุด และเหลือเพียงแห่งเดียวในโลก แต่ถูกบดบังอยู่พักใหญ่ ช่วงรัฐบาลสร้างโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทยเป็นโรงหนังแห่งแรก ตรงหัวมุมถนนราชดำเนิน ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม (พ.ศ.2481-2487)
กระทั่งปี 2532 เมื่อรื้อศาลาเฉลิมไทย จึงเปิดมุมมองทางเข้าเกาะรัตนโกสินทร์จากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ทำให้เห็นความงดงามของโลหะปราสาทที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 3 ทรงมีพระราชดำริให้สร้างโลหะปราสาทแทนการสร้างเจดีย์ ตามประวัติพระพุทธศาสนา มีลักษณะศิลปสถาปัตยกรรมไทยเป็นปราสาท 3 ชั้น มียอด 37 ยอด หมายถึงพระโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ ได้แก่ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 และมรรค 8 อันเป็นหลักธรรมสำคัญที่เป็นปัจจัยนำไปสู่การหลุดพ้นหรือพระนิพพาน
กลางปราสาทเป็นช่องกลวงจากฐานตลอดยอด มีซุงต้นใหญ่สูงถึงยอดปราสาทเป็นแกนกลาง เจาะลำต้นตอกเป็นบันไดเวียนขึ้น 67 ขั้น
เริ่มก่อสร้างในปี 2394 นับจากปีที่เริ่มก่อสร้างวัดราชนัดดารามได้ 5 ปี แต่ก่อสร้างสำเร็จเป็นเพียงปราสาทโกลนก็สิ้นรัชกาล จึงหยุดชะงักไป และมาสร้างต่อในสมัยรัชกาลที่ 5 สมัยพระประสิทธิ์สุตคุณ (แดง เขมทัตโต) เป็นเจ้าอาวาส แต่ยังไม่สมบูรณ์
การบูรณะครั้งใหญ่มาเริ่มในสมัยพระราชปัญญาโสภณ (สุข ปุญญรังสี) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในปี 2506 โดยพยายามรักษาแบบแผนดั้งเดิมของโลหะปราสาทในสมัยรัชกาลที่ 3 ไว้ให้มากที่สุด นับว่าบูรณปฏิสังขรณ์จนเสร็จสมบูรณ์ในครั้งนี้ โดยกรมโยธาเทศบาลเป็นผู้รับผิดชอบ
ต่อมาในช่วงรัฐบาลจัดงานฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์รัชกาลปัจจุบันทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ระหว่างปี พ.ศ.2538-2539 ทรงให้กำหนดการพระราชพิธีบรรจุพระบรมสารีริก ธาตุประดิษฐาน ณ พระเจดีย์บุษบกโลหะปราสาทเป็นพระราชพิธีแรกแห่งการทรงบำเพ็ญพระราชกุศล และเสด็จพระราช ดำเนินมาทรงประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2538
จากนั้นจึงเกิดโครงการบูรณะโลหะปราสาทในปี 2539 เริ่มจากยอดมณฑปกลาง เปลี่ยนวัสดุมุงและเครื่องประดับหลังคาเป็นโลหะและทองแดงรมดำ โดยมีพลอากาศตรีอาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติเป็นสถาปนิก นายสุทิน เจริญสวัสดิ์ เป็นวิศวกรโยธา และนายประพิศ แก้วสุริยา เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง