หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน






ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  พระบูชา
  พระเหรียญ
  พระผง
  เครื่องราง
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    บทความธรรมะ:ต่อโลงเตรียมตัวตายมุม'พระที่เข้าใจโลกธรรม'

    บทความธรรมะ:ต่อโลงเตรียมตัวตายมุม'พระที่เข้าใจโลกธรรม'

                  "ตะกรุดคอหมา-เสือปืนแตก” ถือว่าเป็นวัตถุมงคลที่ขึ้นชื่อของพระครูปิยนนทคุณ หรือ หลวงปู่แย้ม ปิยวณฺโณ เจ้าอาวาสวัดตะเคียน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๙ ตรงกับวันพฤหัสบดีขึ้น ค่ำ เดือน ๖ ปีมะโรง ปัจจุบัน อายุได้ ๙๘ ปี วัตถุมงคลที่ขึ้นชื่อของท่าน คือ "ตะกรุดคอหมา-เสือปืนแตก”
     
                  ด้วยวัยอันล่วงเลยและสังขารอันร่วงโรย พระครูสมุห์สงบ กิตติญาโณ หรือหลวงพี่สงบ พระเลขาหลวงปู่แย้ม และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดตะเคียน จึงนำหลวงปู่แย้มรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ์ ทั้งนี้ เริ่มป่วยและเข้าออกโรงพยาบาลมาตั้งแต่ปลาย พ.ศ.๒๕๔๙ ท่านอายุมากแล้วต้องให้หมอดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะภูมิต้านทานโรคของท่านน้อยมาก ต้องป้องการการติดเชื้อทุกชนิด ท่านยังพูดได้และสื่อสารกับคนที่ไปเยี่ยมได้อยู่ โดยรวมแล้วสุขภาพของท่านเป็นไปตามสภาพอายุ
     
                  อย่างไรก็ตามมีอยู่ช่วงหนึ่งที่หลวงปู่ไม่สบายหนัก คณะศิษย์และญาติต่างคิดและหาทุกวิถีทางเพื่อให้หลวงปู่หายป่วย บ้างก็เลือกทำบุญต่อชีวิต ปล่อยสัตว์ใหญ่ถวายหลวงปู่ รวมทั้งต่อโลงศพถวายหลวงปู่ โดยได้ไปปรึกษากัญญาติของท่าน ต่างก็เห็นดีด้วยเพราะเมื่อถึงเวลาที่หลวงปู่มรณภาพจริงๆ สามารถนำมาใช้ได้ทันที เพราะอย่างไรเสียหลวงปู่ก็ต้องได้ใช้
     
                  "การทำโลงเตรียมไว้ให้หลวงปู่มุมหนึ่งอาจมองได้ว่าเป็นการแช่ง อาจจะทำให้อายุของท่านสั้นลงจริงๆ แต่อาตมาเป็นพระต้องคิดไว้ล่วงหน้าบ้าง ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อต่อโลงให้หลวงปู่แล้ว อาการของท่านดีขึ้นตามลำดับ ถึงขนาดที่ว่าท่านกลับมาจำวัดได้" หลวงพ่อสงบกล่าว พร้อมกับบอกด้วยว่า
     
                  สิ่งมีชีวิตมั้งหลายในโลกไม่อาจหลีกพ้นความตาย แต่กลับมีผู้คนมากมายพยายามสรรหาวิธีการ "ต่ออายุไข" เพียงเพื่อให้ชีวิตพ้นจากความตายมานับแต่สมัยโบราณกาล ไม่ว่าจะเป็น การปล่อยปลา-ปล่อยเต่า, บูชาราหู, ลอดสัตว์มงคล หรือสิ่งมงคลต่างๆ นอนโลงศพ ฯลฯ พิธีกรรมต่างๆ เหล่านี้หลายคนเชื่อว่าสามารถ "แก้กรรม" ต่อชีวิตให้ยืนยาวได้
     
                  ในส่วนของพิธีกรรมการนอนโลงศพสะเดาะเคราะห์ของวัดตะเคียน จะใช้เวลาแต่ละครั้งประมาณ ๕ นาที โดยพระสงฆ์ที่นิมนต์มาจำนวน ๔ รูป จะสวดบังสุกุลตายให้ผู้ที่นอนในโลงศพ จะหันหัวไปทิศตะวันตก และกลับหัวมาทิศตะวันออก พระจะสวดบังสุกุลเป็น พร้อมให้ศีล ให้พร ทั้งนี้ ทางวัดได้นำโลงศพใบเก่าไปทำพิธีฌาปนกิจตามประเพณี เพื่อให้สิ่งชั่วร้าย และสิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง ให้มอดไหม้ไปกับกองไฟ จากนั้นเปลี่ยนโลงศพใบใหม่มาใช้ทำพิธีให้ญาติโยมตลอดปี
     
                  ทั้งนี้ หลวงพี่สงบ พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "การนอนที่วัดตะเคียนจัดขึ้นนี้ หลายคนบอกว่า ทำพิธีไปแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างประหลาด และประสบโชคดี มีชัยกันทั่วหน้าด้วย รวมทั้งมีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่าการนอนโลงสะเดาะเคราะห์ เป็นการแก้เคล็ดต่ออายุ และช่วยให้พ้นเคราะห์ได้ พิธีกรรมการนอนโลงดูผิวเผินอาจจะเป็นเรื่องของการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา คติธรรมที่แฝงอยู่ในพิธีนอนโลง คือ เปรียบเสมือนการฝึกตายก่อนตายจริง เป็นการเตือนสติให้ระลึกว่าในที่สุดแล้วทุกคนก็หนีไม่พ้นความตาย จะจนติดดิน หรือรวยล้นฟ้าทุกคนต้องตายแน่ๆ การนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก ถึงจะเรียกว่าคนมีสติ และสตินี่แหละเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการดำเนินชีวิต"
     
                  สำหรับการเรียนรู้เพื่อเตรียมตัวตายนั้น หลวงพี่สงบ บอกว่า การได้ไปร่วมงานศพนั้นถือว่าเราเรียนรู้เรื่องความตายในเบื้องต้น ภาพของเจ้าภาพและญาติพี่น้องร้องไห้เสียใจกับการจากไป รวมทั้งการทำพิธีกรรมต่างๆ ไม่วันไหนวันใดจะช้าหรือเร็วเราต้องไปยืนอยู่จุดนั้นด้วยกันทั้งสิ้น แต่คนมักไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ซึ่งแท้ที่จริงแล้วความตายกับการมีชีวิตอยู่เกือบจะเป็นเส้นเดียวกัน
     
                  "การเรียนรู้เกี่ยวกับความตาย ทำให้เราปรับทัศนคติในการใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ฝึกฝนจิตให้ตั้งมั่นในความตระหนักรู้อยู่เสมอทุกลมหายใจ หากเราสามารถทำความเข้าใจและน้อมใจยอมรับความตายอย่างกล้าหาญ ว่าเป็นความจริงของชีวิต พร้อมกับการสร้างบรรยากาศของความสงบและปล่อยวางจากภาระที่คั่งค้างใจ เพื่อให้ความตายที่จะมาถึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป แต่กลับเป็นโอกาสทองในการพัฒนาทางจิตวิญญาณให้คลายความยึดมั่นทั้งปวง และแน่วแน่สู่ความแจ่มชัดในธรรมะขั้นสูงต่อไป" หลวงพี่สงบกล่าวทิ้งท้าย


    • Update : 11/9/2555
    © Copyright 2011 www.watbangwaek.com All rights reserved