หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน






ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  พระบูชา
  พระเหรียญ
  พระผง
  เครื่องราง
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
CB004 29.00  1
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    'สมาธิ'สร้างสันติภาพโลก

    'สมาธิ'สร้างสันติภาพโลก

                เป็นเวลา ๑๕ ปีแล้ว ที่หลักสูตร "ครูสมาธิ" ซึ่งพระธรรมมงคลญาณ (วิริยังค์ สิรินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ได้จัดทำขึ้นมาช่วยเหลือชาวไทยและชาวโลกให้ได้รับความสุขสงบเย็นจากสมาธิที่ควรค่าแก่การดำเนินชีวิต จากการที่ท่านเคยอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อย่างใกล้ชิดเป็นเวลา ๔ ปี ตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๘๕ ถึงพ.ศ.๒๔๘๘ ก่อนที่หลวงปู่มั่นละสังขารเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๒
     
                   ผ่านไป ๖๓ ปี อุปัฏฐากหลวงปู่มั่นที่ยังมีชีวิตอยู่คือ หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านนี้ที่บวชมากว่า ๗๗ พรรษา มีอายุ ๙๒ ปี กับผลงานช่วยเหลือชาวโลก คือสถาบันพลังจิตตานุภาพ ๔๘ แห่ง ทั้งในประเทศและสาขาในประเทศแคนาดาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขยายสาขาจากฐานของผู้เรียนที่จบไปแล้ว เพื่อช่วยเหลือคนรุ่นต่อๆ ไป เพื่อเป็นฐานที่มั่นในการต่อสู้กับกิเลสตัวเองอย่างเงียบๆ โดยมีพี่เลี้ยงทั้งฆราวาสและพระสุปฏิปันโน ทั้งสอน แนะนำ และเป็นกัลยาณมิตรในหลักสูตรดังกล่าวเป็นเวลา ๖ เดือน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
     
                   สิ่งที่หลวงพ่อวิริยังค์เน้นสอนในหลักสูตรนี้คือเรื่อง "สมถะ" อันหมายถึง การทำใจให้สงบโดยเพ่ง หรือบริกรรมสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอารมณ์นั้น เพื่อให้จิตเป็นหนึ่ง เมื่อจิตเป็นหนึ่ง ทำให้เกิดความสงบ ความสงบ ทำให้จิตมีพลัง จิตมีพลัง ทำให้มีสติระลึกรู้ มีสติระลึกรู้ทำให้เกิดสติปัญญา มีสติปัญญาทำให้รู้ทันอารมณ์ การรู้ทันอารมณ์ ทำให้จิตเป็นกลางได้ 
     
                   หลวงพ่อวิริยังค์อธิบายว่า การสอนสมถะ เพื่อให้เกิดความสงบในระดับต่างๆ ตามมรรค ๘ ประการ ในข้อที่ ๘ กล่าวว่า 'สัมมาสมาธิ' แปลว่า สมาธิที่ถูกต้อง คำว่าสมาธิที่ถูกต้องคือ พอเหมาะพอดีกับทุกคนในโลก สมกับคำว่า 'มัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลาง' คือทางพอเหมาะ พอดีกับทุกคนนั่นเอง
     
                   "ที่ไม่เน้น 'วิปัสสนา' เพราะประชาชนทั้งหมดหลายพันล้านคนในโลก มีผู้ดำเนินการฝึกสมาธิชั้นสูงมีไม่กี่คน แต่คนที่อยู่ในโลกจะต้องอยู่ต่อไป ก็อยากจะให้คนที่อยู่ในโลกนี้ อยู่ได้ด้วยความสงบสุข หรือเรียกว่าสันติภาพโลก ก็ต่อเมื่อให้ทุกๆ คนทำสมาธิจนอยู่ในระดับหนึ่ง ไม่ใช่ระดับสูง "
     
                   หลวงพ่อเขียนหลักสูตรนี้ขึ้นมาก็เพื่อให้ประชาชนคนธรรมดาฝึกได้ ไม่เหลือวิสัย สามารถสร้างพลังจิตให้กับตัวเองขึ้นมาให้ได้ระดับหนึ่ง หลวงพ่อชี้จุดสำคัญของสมาธิให้เราเห็นอานิสงส์ต่อมาว่า เมื่อได้สมาธิระดับหนึ่ง เขาจะควบคุมจิตใจได้ จะเป็นประโยชน์ต่อโลกมหาศาล 
     
                   "ปัจจุบันคนบนโลก มีความขัดแย้งกัน ความขัดแย้งเป็นต้นเหตุความไม่สงบ เวลามีปัญหาขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่าหัวไม้ขีดไฟ ถ้าเขาไม่มีพลังจิตควบคุมได้ ความขัดแย้งเท่าหัวไม้ขีดไฟ จะกลายเป็นความขัดแย้งที่ใหญ่โต สามารถเป็นอันตรายต่อสังคม ประเทศชาติ และต่อโลก แต่ถ้าเขาสามารถควบคุมจิตใจได้แล้วในระดับหนึ่ง ความขัดแย้งที่จะลุกลามเป็นใหญ่โตก็จะพ้นขีดอันตราย เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว เป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นประโยชน์ต่อโลก
     
                   "ด้วยเหตุนั้น หลวงพ่อจึงได้พยายามเสียสละทุกอย่างเพื่องานนี้ โดยการตั้งสถาบันจิตตานุภาพขึ้น เพื่อสอนให้ทุกคนเป็นครูสมาธิได้ พระเจสันปิยาจารา (ยัง) มาเรียน ๖ เดือนในระบบนี้ ซึ่งเป็นระบบที่สร้างพลังจิตที่เรียกว่าสัมมาสมาธิ หลวงพ่อจึงมีความตั้งใจที่จะให้มนุษย์โลกมีความสงบสุขด้วยการสร้างพลังจิต
     
                   แล้วหลวงพ่อเมตตาอธิบายการปฏิบัติสมถะที่สามารถฝึกได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างลัดสั้น แต่การปฏิบัตินั้นต้องใช้ความเพียรอย่างต่อเนื่องด้วยตัวของเราเอง    
     
                   "กำหนดใจ ไว้ที่ใจ ใจของเราอยู่ที่เบื้องซ้าย บริกรรมพุทโธ ลงไปที่ตรงนั้น เมื่อจิตสงบ จิตรวมแล้ว พุทโธ ก็ไม่ต้องนึก กำหนดอยู่ที่จิตเฉยๆ ให้ธรรมะนี้ เข้าทางหู รู้ถึงใจ ธรรมะจะหลั่งไหลเข้าสู่ใจเอง เพราะว่าธรรมะนั้นเป็นสิ่งละเอียดอ่อน ใจของเราก็เช่นเดียวกัน เป็นสิ่งละเอียดอ่อน เมื่อธรรมะเข้าถึงใจ ใจก็สามารถที่จะรองรับ เพราะว่าใจของเรานั้นใหญ่ โลกที่ว่าใหญ่ยิ่ง ถ้าผ่าเส้นผ่าศูนย์กลางก็ไม่รู้ว่ากี่แสนไมล์ ก็ยังไม่ใหญ่เท่าใจของเรา
     
                   "แต่ที่เล็กๆ อยู่ในร่างกายเรานี้เรียกว่า หทัยวัตถุ ยังไม่ใช่ใจ มันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ส่วนใจนั้น ไม่ได้อยู่ในหทัยวัตถุ ใจของเรานั้นใหญ่กว่าโลกหลายเท่าตัว เพราะฉะนั้น ใจของเราจึงสามารถรองรับธรรมะของพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่าเหนือจักรวาลได้ แต่นั่นแหละ ธรรมะที่พระพุทธเจ้าค้นพบแม้จะใหญ่โตเพียงใด ก็ย่อลงมาเหลือ "ธรรม" อย่างเดียวเพียงหนึ่ง ...แล้วทีนี้ก็เกิดกระแสอัดด้วยสมาธิ แล้วมันจะแรงขึ้น พระองค์ทรงตรัสว่า เมื่อย่อลงมาถึงความเป็นหนึ่งแล้ว จะเกิดสิ่งหนึ่งขึ้นมา สิ่งนั้นคือความบริสุทธิ์
     
                   "ความบริสุทธิ์คือ ความปราศจากมลทิน เหมือนกันขี้สนิมที่เกาะกินอยู่ในเหล็ก หรือในทองเหลือง ถ้าขัดออกไปก็จะเกิดความใสสะอาด เรียกว่าเนื้อบริสุทธิ์ นี่คือการย่อลงไป เมื่อย่อลงไปหนักเข้าๆ ผลประโยชน์ก็จะกลายเป็นสมาธิ ที่ท่านเรียกว่าขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธิ นี่คือการบัญญัติลำดับขั้นของสมาธิ แล้วเราจะบัญญัติหรือไม่บัญญัติ สมาธิมันก็เป็นหนึ่งของมันอยู่อย่างนั้น เรียกว่า ปกติ เมื่อจิตปกติ ไม่มีอารมณ์อื่นๆ เข้ามาวุ่นวายใจแล้ว จิตนั้นก็ปกติ
     
                   "เมื่อจิตปกติ จิตนั้นมันก็เกิดความสบาย เกิดความละเอียด ความผ่องใส ความอ่อนโยน สิ่งที่เกิดขึ้นกับจิตไม่ใช่เป็นเรื่องปรุงแต่ง แต่เป็นผลมาจากสมาธิ เมื่อเกิดขึ้นมาก็ต้องจดจำว่า เราทำอย่างไรจึงมาถึงตรงนี้ได้ เมื่อจดจำได้แล้ว จะทำได้อย่างสบายมาก ในกาลต่อไปข้างหน้า ผู้ที่ฝึกสมาธิด้วยกัน บางคนไปเร็ว บางคนไปช้า อย่างเช่น พระเจสันมีความฉลาด เวลาอธิบายเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็เข้าใจเอง เมื่อพระเจสันให้เวลากับตัวเองและตั้งใจปฏิบัติจนเห็นว่า พระธรรมคืออะไร ในที่สุดพระเจสันก็รู้ว่า พระวินัยก็ดี พระธรรมก็ดี เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ และเรื่องของสมาธินั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความสุขขึ้นมา"


    • Update : 11/7/2555
    © Copyright 2011 www.watbangwaek.com All rights reserved