หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน






ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  พระบูชา
  พระเหรียญ
  พระผง
  เครื่องราง
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    มุทิตาจิตคืออะไร

    มุทิตาจิตคืออะไร

               ศูนย์บริการความรู้เพื่อสังคม มหาวิทยา ลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มีคำตอบเรื่อง 'มุทิตาจิต' ว่า 'มุทิตา' หมายถึงความเป็นผู้มีใจชื่นชมยินดีในเมื่อผู้อื่นได้ดีหรือได้รับความสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอาการที่เกิดขึ้นในใจเองโดยมิได้บังคับ เกิดขึ้นเพราะจิตใจปราศจากความอิจฉาริษยา เกิดขึ้นเพราะเป็นผู้มีปกติยอมรับในผลสำเร็จหรือความดีของคนอื่น เพราะฉะนั้นจึงเรียกเป็นคำเต็มได้ว่ามุทิตาจิต

               คุณธรรมข้อนี้มิใช่ว่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ หรือเกิดขึ้นแก่ทุกคนไม่ เพราะปกติธรรมดาคนทั่วไปมักจะไม่ค่อยยอมรับในความดีของผู้อื่น มักจะไม่ค่อยชื่นชอบนักหากผู้อื่นได้ดีเกินหน้า โดยเฉพาะในคนที่ไม่ชอบหน้ากันอยู่แล้วมุทิตาจิตจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ดังนั้น คนที่ทำให้จิตเกิดมุทิตาได้จึงเป็นบุคคลพิเศษที่ยกระดับจิตใจให้สูงกว่า คนธรรมดาสามัญได้แล้ว เป็นคนเปิดใจกว้าง ยอมรับความดีของผู้อื่นและพร้อมเสมอที่จะแสดงความชื่นชมยินดีด้วยเมื่อผู้อื่น ได้ดี ผู้ทำได้ดังนี้ท่านว่าเป็นผู้ยกระดับจิตใจถึงขั้นระดับเป็น พระพรหมทีเดียว เพราะมุทิตาจิตนั้นเป็น 'พรหมธรรม' หรือ 'พรหมวิหารธรรม' ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมของผู้เป็นพรหมของผู้ใหญ่ผู้ประเสริฐแล้ว จึงกล่าวได้ว่ามุทิตานี้เกิดได้ยากนัก ยากหนา ที่เกิดได้ง่ายๆ เพราะเขาฝึกไว้ดีแล้วต่างหาก

               การแสดงออกซึ่งมุทิตาจิตนั้นมิใช่หมายเพียงการนำสักการะไปถวาย การนำกระเช้าดอกไม้ไปให้ การเลี้ยงกันหรือการกล่าว อวยพรกันเท่านั้น เพราะการแสดงเช่นนั้นเป็นเพียงจุดหมาย ที่ให้รู้ว่ามีมุทิตา แท้ที่จริงมุทิตาจะต้องเริ่มต้นเกิดที่จิตใจก่อน เมื่อจิตใจเกิดมุทิตาแล้วก็เป็นอันใช้ได้ ส่วนจะแสดงต่อด้วยการ กระทำหรือด้วยคำพูดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แม้หากว่าจะแสดงกันอย่างนั้น แต่ก็ทำไปด้วยความจำเป็นตามมารยาทสังคม แบบเสียไม่ได้ หรือถูกบังคับให้ทำโดยที่โจทย์มิได้ยินดีด้วยเลย การแสดงออกเช่นนั้นก็หาจัดว่าเป็นการแสดงมุทิตาจิตไม่ เพราะใจไม่ได้เกิดมุทิตาด้วยเลย

                อีกประการหนึ่งเล่า จิตใจที่จะเปี่ยมด้วยมุทิตาจะต้องกำจัดอารมณ์ในใจอันหนึ่ง คือ 'อรติ' ให้ได้เด็ดขาดด้วย อรติคือความไม่พอใจเพราะเกิดความอิจฉาริษยา เกิดความไม่ยินดี อรตินี้เป็นศัตรูต่อมุทิตาโดยตรง ต้องกำจัดให้ได้เด็ดขาด จึงจะเป็นมุทิตาจิตที่บริสุทธิ์ ดังนั้น จึงกล่าวว่ามุทิตาจิตเป็นจิตระดับสูงถึงขั้น เป็นจิตของพระพรหม

                แท้จริง อรติ ความไม่พอใจ ความอิจฉาริษยา เป็นกิเลสบังใจบังปัญญาและบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดี บังความควรไม่ควรไว้หมด ทำให้คนมองไม่เห็นความดีของใคร ชมใครไม่เป็น สรรเสริญใครไม่ได้ ทำให้คนมองกันในแง่ดีไม่ได้ ซ้ำยังกระตุ้นให้คนคิดทำลายล้างความดีของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เห็นใครดีเกินหน้าไม่ได้จะต้องคิดทำลายล้าง ลบหลู่ความดีของผู้อื่นให้หมดเสียร่ำไป ดังพระท่านว่า 'อรติ โลกนาสิกา ความริษยาเป็นตัวทำลายโลก'

               วิธีกำจัดอรติก็คือ ต้องสร้างมุทิตาจิตให้เกิดขึ้นแทนที่ โดยการค่อยๆ มองหาความดีของคนอื่น แม้จะมีเพียงน้อยนิดก็ยังดี หาให้พบกลบความไม่ดีของเขาเสียอย่าไปพูดถึง แล้วหัดชมคนอื่นเป็นเสียบ้าง เอาส่วนดีแม้น้อยนิดที่พบนั่นแหละมาชมกัน แม้ตอนแรกๆ จะฝืนใจชมบ้างก็พยายามทำ นานเข้าจะเกิดความเคยชินและชมได้มากๆ เมื่อชมเป็นแล้วก็แสดงความยินดีในความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของผู้อื่น เริ่มต้นจากคนในครอบครัวก่อนก็ได้ ยินดีต่อน้องๆ ที่สอบได้ ยินดีต่อพี่ๆ ที่ได้งานทำ ขยายวงกว้างออกไปจนถึงเพื่อนๆ ต่อไปถึงผู้ร่วมงาน ไม่นานมุทิตาจะเกิดเต็มจิต ความหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะเกิดความรู้สึกอิจฉาริษยาจะหมดไป

                มุทิตาจิตเป็นยาวิเศษที่ทำให้คนเรายิ้มแย้มเข้าหากัน คบกันโดยสนิทใจ เป็นโซ่ทองที่คล้องใจกันไว้ได้นานเท่านาน


    • Update : 9/7/2555
    © Copyright 2011 www.watbangwaek.com All rights reserved