หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน






ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  พระบูชา
  พระเหรียญ
  พระผง
  เครื่องราง
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    6 โรคที่ตามมา หากต้องอยู่ในรถนาน ๆ

              คนไหนที่มักจะใช้ชีวิตอยู่ในรถเป็นประจำก็ด้วยว่าการจราจรที่ติดขัดอยู่เสมอ ต้องระวังให้ดีนะคะ เพราะอาจเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ได้ ที่เกิดจากการต้องทนอยู่ในรถเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อมกันเลย

     หลับในและตาเมื่อยล้า

              อาการที่เกิดขึ้นได้แก่ หาวถี่ สมอง เริ่มมึน ไร้สติ ไม่มีสมาธิในการขับรถ และเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้นในกิจวัตรจะเข้ามาในหัวโดยไม่รู้ตัว ช่วงที่ต้องเจอแดดจ้า ๆ มักมีอาการตาอ่อนล้า และแสบตา ทำให้มองไม่ถนัดเวลาที่ขับรถ และมีอาการหลับในตอนกลางคืน ซึ่งอาจเกิดจากการนอนน้อยสะสมในแต่ละวันเป็นเวลานาน ๆ

              ดังนั้นในการแก้ไข หากรู้สึกง่วงนอนจริง ๆ ควรแวะปั๊มนอนทันที ด้วยสังเกตจากอาการหาวถี่ ๆ ต้องหยุดอย่าฝืน และในกรณีที่ต้องขับรถทางไกลมาก ๆ ควรจะหาเพื่อนร่วมทางไว้สักคน เพื่อจะได้สลับกันขับปลอดภัยไว้ก่อน ส่วนใครที่มีอาการแสบตา ลองไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อบรรเทาอาการที่แสบตาให้ลดน้อยลง

     โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

              สาเหตุเกิดจากการอั้นปัสสาวะเป็นเวลานานในขณะขับรถ เพราะต้องเผชิญกับปัญหารถติดระหว่างเดินทาง หรือไม่มีปั๊มน้ำมันข้างทางเลย โดยผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะขัด เหมือนปัสสาวะไม่สุด และปวดมาก ซึ่งแนวทางในการรักษาคือ ทานยา และดื่มน้ำมาก ๆ เมื่อปวดปัสสาวะ ห้ามอั้นไว้เด็ดขาด และถ้าหากรู้สึกเริ่มปวดหน่วง ๆ ต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อล้างปัสสาวะที่อักเสบออกมา อีกอย่างถ้าหากสามารถย้ายที่อยู่มาให้ใกล้ที่ทำงานเพื่อเลี่ยงปัญหารถติดได้ก็จะดีค่ะ

     กล้ามเนื้อคออักเสบ

              สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการที่ต้องนั่งท่าเดิม ๆ เป็นเวลานานเป็นประจำทุกวัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการเริ่มจากปวดบ่าทั้งสองข้าง หลังจากนั้นจะปวดคอมาก ปวดร้าวไปถึงบ่า แขน และมีอาการมือชาด้วย ปวดจนไม่สามารถหันคอได้เลย สำหรับใครที่มีอาการดังกล่าวในการรักษาคุณหมอจะให้ยาคลายกล้ามเนื้อมาทาน พร้อมกับใส่เฝือกอ่อนชั่วคราว เพื่อช่วยไม่ให้เคลื่อนไหวมาก ประมาณ 3-4 วัน อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ส่วนใครที่ยังไม่มีอาการ แต่ยังต้องขับรถอยู่แนะนำให้บริหารคอระหว่างที่รถติด เช่น หันซ้ายหันขวา ก้มหัวขึ้นลง และไม่ควรเอี้ยวคอแบบกะทันหัน เพราะจะทำให้เกิดการหันผิดท่าได้

     ระบบการย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายผิดปกติ

              ใครที่ต้องขับรถอยู่เกือบตลอดเวลา เช่น คนขับแท็กซี่ มักเจอกับปัญหานี้ เพราะเนื่องจากต้องรับส่งผู้โดยสารอยู่ตลอดทำให้การทานอาหารไม่เป็นเวลา และเวลาอยากเข้าห้องไม่สามารถทำได้เลย ดังนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้เป็นประจำทุกวันก็ทำให้เป็นโรคกระเพาะอักเสบ รวมทั้งมีอาการท้องผูกอีกด้วย ซึ่งแนวทางในการแก้ไขควรจะเลือกทานอาหารประเภทผักเยอะ ๆ หรือเลือกทานอาหารเบา ๆ จะช่วยให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายดีขึ้น อีกทั้งก่อน ออกไปขับรถแนะนำให้ออกกำลังบริหารแขนขา และเข่า เพื่อลดการปวดเมื่อย หากต้องขับรถเป็นเวลานาน ๆ ได้

     หมอนรองกระดูกเสื่อม

              สำหรับคนที่ต้องขับรถเป็นระยะทางไกลมักจะพบปัญหาหมอนรองกระดูกเสื่อม รวมทั้งในคนที่ชอบยกของหนักบ่อย ๆ เอี้ยวตัวผิดท่า หรือได้รับบาดเจ็บจากการตกจากที่สูง ซึ่งเริ่มแรกจะมีอาการปวดหลังเพียงเล็กน้อย จากนั้นจะเริ่มปวดมากขึ้นและลามไปยังข้างทั้งสอง เวลายืนนานจะมีอาการชาที่ขา นอกจากนี้ในบางรายอาจมีอาการของเอวคดด้วย

              โดยแนวทางในการรักษาอาการต่าง ๆ คือ ไปทำไคโรแพกติก หลังเสร็จจากการจัดกระดูกก็ค่อยๆ  ดีขึ้น และควรดูแลตัวเองโดยการเล่นเทนนิสแบบเบา ๆ หากต้องเดินนานให้หยุดพักยืดเส้นยืดสายบ้าง ทำกายภาพบำบัดวันละ 3 ครั้ง ด้วยการนอนคว่ำ ศอกทั้งสองข้างตั้งฉากกับพื้น ปลายเท้าจิกทำเป็นมุมฉาก ยกตัวขึ้นแล้วแขม่วท้องเกร็งไว้นับ 1-10 ทำประมาณ 10 ครั้ง

     พังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ

              สาเหตุอาจเกิดการที่เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงบริเวณมือได้ไม่ทั่วถึง เพราะต้องถือพวงมาลัยไว้ตลอดเวลาเป็นระยะเวลานาน ๆ อีกทั้งยังเกิดขึ้นทุกวัน ถ้าใครที่ยิ่งต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ก็จะยิ่งส่งผลเร็วขึ้น จะเริ่มมีอาการปวดบริเวณข้อมือ ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการทำกายภาพบำบัดวันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน เพื่อให้เลือดสูบฉีด ทั้งนี้หากมีการดูแลตัวเองที่ดีก็จะลดอาการที่เป็นลงได้ เช่น ฝึกโยคะ ยกของด้วยการนั่งลงแล้วยก และช่วงไหนที่มีอากาศเย็นจะรู้สึกปวดมากกว่าปกติ จึงต้องพยายามให้อบอุ่นอยู่เสมอ หรือทายาหม่อง หรือปาล์มเพื่อเพิ่มความอบอุ่นได้


    • Update : 10/10/2554
    © Copyright 2011 www.watbangwaek.com All rights reserved