วัดโมลีโลกยารามขึ้นแท่น แชมป์สำนักเรียนภาษาบาลี
สํานักเรียนวัดโมลีโลกยาราม เขตบาง กอกใหญ่ กรุงเทพฯ สำหรับพระภิกษุ-สามเณร ที่เรียนบาลีนักธรรมน้อยนักที่จะไม่รู้จัก เพราะเป็นสำนักเรียนพระปริยัติธรรมที่มีผลงานโดดเด่นเป็นลำดับต้น
สำนักเรียนวัดโมลีโลกยารามแห่งนี้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ "พระเมธีวราภรณ์" หรือที่ชาวบ้านเรียกขานว่า "พระมหาสุทัศน์" ซึ่งมีประวัติการทำงานอยู่ในแวดวงการศึกษาสงฆ์ ตั้งแต่ปี 2550-2553 ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ พ.ศ.2554 รักษาการเจ้าสำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม
พ.ศ.2555 เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม
นับแต่นั้นมาสำนักเรียนวัดโมลีโลกยารามทะยานขึ้นสู่แชมป์สำนักเรียนส่วนกลาง กรุงเทพฯ มีผู้สอบได้มากที่สุดมาทุกปี โดยเฉพาะในปี 2555 นั้นมีพระภิกษุ-สามเณรของสำนักเรียนนี้สอบบาลีได้ทุกชั้นประโยคสูงถึง 106 รูป นับเป็นประวัติการณ์ของสำนักเรียนในเมืองหลวงทีเดียว
เป็นเหตุให้สำนักเรียนแห่งนี้ได้รับทุนบริหารสำนักเรียนดีเด่นโครงการทุนเล่าเรียนหลวงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ พระภิกษุ-สามเณรคว้ารางวัลทุนเล่าเรียนหลวงทุกปี
ประวัติ วัดโมลีโลกยาราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เป็นวัดโบราณ มีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เรียกกันว่า "วัดท้ายตลาด" เพราะอยู่ต่อจากตลาดเมืองธนบุรี
สมัยกรุงธนบุรีเขตวัดนี้ถูกรวมเข้าไปในเขตพระราชวัง จึงเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์ตลอดสมัย
ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 1 จึงทรงนิมนต์พระมาจำพรรษาอยู่ ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 2 ได้ทรงขนานนามใหม่ว่า วัดพุทไธศวรรย์ ถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงปฏิสังขรณ์ทั่วทั้งพระอาราม ทรงเปลี่ยนนามใหม่อีกว่า วัดโมลีโลกสุทธาราม ต่อมาเรียกกันสั้นๆ ว่า วัดโมลีโลก
ภายหลังต้องการให้มีคำว่าอารามอยู่ท้ายจึงต่อว่า "โมลีโลกยาราม"
ในสมัยรัชกาลที่ 1 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) เป็นพระราชาคณะวัดโมลีโลกฯ ที่ทรงคุณธรรม และสมัยนั้นสถานที่ศึกษาวิชาการอยู่ตามวัด พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อทรงพระเยาว์จึงเสด็จไปศึกษาอักษรสมัยเบื้องต้นในสำนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) ซึ่งยังดำรงสมณศักดิ์เป็นพระพุทธโฆษาจารย์หลายพระองค์ นับแต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น
ในปี พ.ศ.2556 นี้สำนักเรียนวัดโมลีโลกยารามสอบได้ เปรียญธรรม 9 ประโยค จำนวน 4 รูป ได้แก่ พระมหาสำราญ สีลสัง วโร, พระมหาจำลอง ธัมมวโร พระมหาโอภาส วรรังสี และพระมหาสนธยา วรรัตติ สร้างความฮือฮา ด้วยคะแนนเป็นรองจากแชมป์เก่าอย่างสำนักเรียนวัดเทพลีลา เพียง 2 รูป แต่ยอดรวมซึ่งวัดโมลีโลกยารามสอบได้ทุกชั้นทั้งหมด 95 รูป ได้ครองแชมป์สำนักเรียนในส่วนกลางกรุงเทพฯ เป็นปีที่ 6
สำนักเรียนแห่งนี้เคยสร้างประวัติศาสตร์ความเจริญรุ่งเรืองมาในยุคของ "พระพรหม กวี" (วรวิทย์ คังคปัญโญ) อดีตเจ้าอาวาสและเจ้าคณะภาค 10 ซึ่งถือเป็นพระมหาเถระผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมขั้นหัวกะทิของคณะสงฆ์ ได้ปลุกปั้นสำนักเรียนที่กำลังซบเซามาตั้งแต่ปี 2541 จนเจริญรุ่งเรือง
ครั้นเมื่อพระพรหมกวีมรณภาพ กระทั่งพระเมธีวราภรณ์ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 13 และเจ้าสำนักเรียนรูปที่ 3 ท่านไม่ทำให้พระอุปัชฌาย์ผู้ล่วงลับและคณะสงฆ์ต้องผิดหวัง
พระเมธีวราภรณ์กล่าวว่า วัดโมลีโลกยารามได้ระดมสรรพกำลังทั้งครูสอนและญาติโยมอุปถัมภ์ จัดอบรมบาลีก่อนสอบสนามหลวงมากว่า 2 เดือนในแต่ละปี เพื่อให้พระเณรทั้งในสำนักและนอกสำนักทั่วประเทศได้เข้าร่วมอบรมแต่ละปีมากกว่า 250 รูป ยังมีการอบรมสอบซ่อมอย่างเข้มข้นในแต่ละปีอีกต่างหาก
พระเมธีวราภรณ์ถือเป็นพระนักบริหารการศึกษาบาลีรูปหนึ่งของคณะสงฆ์ไทย ภายใต้การบริหารจัดการของพระนักวิชาการ ทำให้สำนักเรียนแห่งนี้โด่งดังมาถึงยุคนี้ นับตั้งแต่บริหารงานฐานะอาจารย์ใหญ่มาตั้งแต่ พ.ศ.2544
ด้วยผลงานเป็นที่ประจักษ์ ชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ทำให้สำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม ภายใต้การบริหารจัดการของพระเมธีวราภรณ์ ก้าวขึ้นทำเนียบสำนักเรียนอันดับหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนักเรียนสอบได้มากที่สุดในปัจจุบัน
สำนักเรียนวัดโมลีโลกยารามแห่งนี้จะยังคงยืนหยัดยึดมั่นอุดมการณ์การเรียนการสอนพระบาลี เพื่อสร้างศาสนทายาทสืบไป