หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน






ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  พระบูชา
  พระเหรียญ
  พระผง
  เครื่องราง
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    วัดบูรพารามสัปปายะใจกลางสุรินทร์

    วัดบูรพารามสัปปายะใจกลางสุรินทร์

                   วัดบูรพาราม ตั้งอยู่ ถ.กรุงศรีใน อ.เมือง จ.สุรินทร์ ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด แม้ว่าจะเป็นวัดที่อยู่ใจกลางเมืองสุรินทร์ แต่สงบเงียบ สงบเย็น สัปปายะ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ที่สำคัญคือ เป็นวัดธรรมยุตแห่งแรกใน จ.สุรินทร์ รวมทั้งเป็นวัดที่หลวงปู่ดุลย์ อตุโล พระผู้ที่ลูกศิษย์ขนานนามให้เป็น "บิดาแห่งหารภาวนาจิต

                    สันนิษฐานว่าวัดบูรพาราม สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี หรือสมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีอายุไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ ปี เท่าๆ กับอายุของเมืองสุรินทร์ตามตำนานของเมืองสุรินทร์เล่าขานกันมาว่า เมื่อ พระยาสุรินทร์ภักดี ศรีณรงค์จางวาง (เชียงปุม) ได้ตำแหน่ง จางวางเมืองประทายสมันต์ ก็เริ่มทำนุบำรุงบ้านเมือง ด้วยการ "ฝึกฟื้นใจเมือง" ตามธรรมเนียมการพัฒนาบ้านเมืองของไทยที่นิยมสืบทอดกันมาแต่โบราณ คือ ส่งเสริมการพระศาสนาให้เจริญ ควบคู่กับการบำรุง "กายเมือง" หรือพัฒนาด้านวัตถุให้เจริญควบคู่ไปด้วยกัน
           
                       เนื่องจากวัดแห่งนี้สร้างขึ้นมานาน สภาพจึงชำรุดทรุดโทรม ทางคณะสงฆ์มณฑลนครราชสีมา มีความประสงค์ที่จะบูรณะขึ้นใหม่ และสถาปนาเป็น วัดธรรมยุตแห่งแรกในจังหวัดสุรินทร์ ในปี ๒๔๗๖ เมื่อหลวงปู่ดูลย์ ได้รับบัญชาจากท่านเจ้าคณะมณฑล ให้มาดูแลบูรณะวัดบูรพาราม ท่านจึงรับภาระนี้ด้วยความเต็มใจ
          
                       หลวงปู่ดูลย์จึงงดกิจด้านออกธุดงค์ และพำนักประจำที่วัดบูรพารามนี้ ติดต่อกันตลอดมาตราบเท่าถึงวันมรณภาพของท่าน ซึ่งท่านอยู่ประจำที่วัดแห่งนี้ รวมเวลาทั้งสิ้น ๕๐ ปี ปูชนียวัตถุสำคัญที่ถือว่ากำเนิดมาพร้อมกับวัดบูรพาราม และเป็นที่เคารพนับถือว่าเป็นของคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุรินทร์ ก็คือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งเป็นองค์ประธานในวัด ที่เรียกขานกันทั่วไปว่า "หลวงพ่อพระชีว์" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๔ ศอก ประดิษฐานอยู่ในมณฑปจัตุรมุขก่ออิฐถือปูน อยู่ด้านตะวันตกของพระอุโบสถปัจจุบัน
        
                       แนวทางการปฏิบติของวัดแห่งนี้ คือ "แนวดูจิต ตามหลักสติปฏฐาน ๔" เจริญจิตภาวนาตามแนวการสอนของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เริ่มต้นอริยาบถที่สบาย ยืน เดิน นั่ง นอน ได้ตามสะดวกทำความรู้ตัวเต็มที่ และรู้อยู่กับที่ โดยไม่ต้องรู้อะไร คือ รู้ตัว อย่างเดียวรักษาจิตเช่นนี้ไว้เรื่อยๆ ให้ "รู้อยู่เฉยๆ" ไม่ต้องไปจำแนกแยกแยะ อย่าบังคับ อย่าพยายาม อย่าปล่อยล่องลอยตามยถากรรม
        
                       เมื่อรักษาได้สักครู่ จิตจะคิดแส่ไปในอารมณ์ต่างๆ โดยไม่มีทางรู้ทันก่อน เป็นธรรมดาสำหรับผู้ฝึกใหม่ ต่อเมื่อจิตแล่นไป คิดไปในอารมณ์นั้นๆ จนอิ่มแล้ว ก็จะรู้สึกตัวขึ้นมาเอง เมื่อรู้สึกตัวแล้วให้พิจารณาเปรียบเทียบภาวะของตนเอง ระหว่างที่มีความรู้อยู่กับที่ และระหว่างที่จิตคิดไปในอารมณ์ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อเป็นอุบายสอนจิตให้จดจำ
        
                       จากนั้นค่อยๆ รักษาจิตให้อยู่ในสภาวะรู้อยู่กับที่ต่อไป ครั้นพลั้งเผลอรักษาไม่ดีพอ จิตก็จะแล่นไปเสวยอารมณ์ข้างนอกอีก จนอิ่มแล้ว ก็จะกลับรู้ตัว รู้ตัวแล้วก็พิจารณา และรักษาจิตต่อไป ด้วยอุบายอย่างนี้ ไม่นานนัก ก็จะสามารถควบคุมจิตได้ และบรรลุสมาธิในที่สุด และจะเป็นผู้ฉลาดใน "พฤติแห่งจิต" โดยไม่ต้องไปปรึกษาหารือใคร
        
                       รูปแบบการสอนของหลวงปู่ดูลย์ท่าน จะสอนเฉพาะ แต่ในเบื้องต้นแล้วต่อจากนั้นไป ท่านก็จะสอนในแบบฉบับของท่าน คือ ท่านจะสอนพระภิกษุสามเณรให้รู้จักพึ่งตนเองโดยการ "ทำให้ดูเป็น ตัวอย่าง" ทุกครั้งที่หลวงปู่ท่านสอนการสอนโดยทำให้ดูเป็นตัวอย่างเป็น การสอนตาม แบบฉบับของพระป่าที่นับว่าเป็นการสอนที่แยบคายเป็นการสอนโดยที่ผู้รับการสอนนั้นไม่รู้ตัวว่า ถูกสอน
        
                        คำสอนของหลวงปู่ดุลย์ที่ยังเป็นอมตะถึงทุกวันนี้ เช่น "หนังสือตำรับตำราที่อยู่ในตู้นักศึกษาที่ได้ผ่านการอ่านเรียนรู้ในเบื้องต้นมาแล้วหนังสือตำราเล่มนั้นก็ย่อมกลับคืนไปอยู่ที่เดิม ภายในตู้ หน้าที่ต่อจากนั้นไป ก็เป็นหน้าที่ของตัวนักศึกษาเองที่จักต้องนำเอาความรู้จากตำรานั้นไป ฝึกปฏิบัติคิดนึกตรึกไตร่ตรอง ช่วยตัวเอง พึ่งตนเอง"


    • Update : 3/7/2555
    © Copyright 2011 www.watbangwaek.com All rights reserved