สุขแท้ด้วยปัญญา เครือข่ายพุทธิกา-สสส.
พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่า สุคะโต จ.ชัยภูมิ พระนักเผยแผ่ธรรม นักคิดนักเขียน อันเป็นที่รู้จักกันดี มักเชื่อมโยงการสร้างความสุขในชีวิตกับประสบการณ์จริงตอนหนึ่ง ความว่า
"ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตไม่อาจแยกขาดออกจากการปฏิบัติ ความสุขจากการให้ทานหรือการเสียสละนั้นมิอาจเข้าใจได้ด้วยการอ่านหรือการคิด แต่ต้องให้ด้วยการให้ทานหรือเสียสละด้วยตัวเอง ชีวิตที่เรียบง่ายและรู้จักพอทำให้จิตโปร่งเบาเพียงใด จะเข้าใจด้วยการทดลองมีชีวิต"
"ลุงเล็ก"ภานุมาศ วงศ์ไอศูรย์ ราษฎรแห่ง ต.วังชมพู อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ถูกใจคำสอนดังกล่าวอย่างจริงจัง สวมหัวใจนักพัฒนาจนได้รับตำแหน่งมากมายจากหน่วยราชการ ทั้งระดับท้องถิ่น ภูมิภาค ไล่จนถึงระดับชาติ พร้อมกับการเป็นหัวหอกของชุมชนในการขับเคลื่อนงานในหลายหลากประเด็น ทั้งสุขภาพ การเกษตร การละเว้นอบายมุข ฯลฯ
"เราทำงานพัฒนาจริง แต่ทำแค่ภายนอก มองมันแค่เปลือก แต่ใจเราไม่ได้ฝึกฝนตามจริง มันจึงทำให้เราหลงมัวเมาไปกับวัตถุ"
จนวันที่ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรม "สุขแท้ด้วยปัญญา" ที่เครือข่าย พุทธิกาและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดโอกาสเข้าร่วม ทำให้ลุงเล็กได้พบกับประสบการณ์ใหม่
"สุขแท้ด้วยปัญญา ไม่เหมือนโครงการอื่นที่เคยทำ ไม่ได้เน้นที่ความสนใจอื่นๆ เช่น เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เก็บขยะ หรือทำผักปลอดสารพิษ แต่เน้นเรื่องจิตใจและแนวคิดเรื่องความสุข พูดถึงทัศนคติอันเป็นที่มาของความสุข 4 ประการ ทั้งการคิดถึงผู้อื่น การไม่พึ่งพิงวัตถุ การเชื่อมั่นในความเพียรของตน และรู้จักคิดอย่างมีเหตุมีผลเกื้อกูล ประกอบกับเมื่อได้มาร่วมกิจกรรม มันทำให้เราพบคนแบบเดียวกัน พบคนที่อยากมีความสุขเหมือนกัน มันจึงได้แลกเปลี่ยน มีแนวร่วม อีกทั้งผมยังศรัทธาในพระไพศาล วิสาโล ถึงแนวคิดต่างๆ และท่านก็สอนผ่านการปฏิบัติโดยเฉพาะการปฏิบัติที่เรียบง่าย"
เป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงตัวเองของลุงเล็ก โดยเฉพาะบทสรุปของการเลิกยึดติดกับสิ่งฟุ่มเฟือยและสิ่งอำนวยความสะดวกเกินจำเป็น เริ่มจากโทรทัศน์จอใหญ่ได้ถูกปรับขนาด เครื่องซักผ้าแปรเปลี่ยนเป็นการซักมือ กระทั่งการเดินทางก็ลดจากการใช้รถยนต์เป็นมอเตอร์ไซค์ จักรยานหรือการเดินออกกำลังกาย
"มันคือการเรียนรู้ภายในตัวของเราเอง เป็นความคิดที่รู้สึกได้เมื่อพิจารณาว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็น และมันทำให้ผมมีความพอใจกับความพอดีแบบนี้ อย่างน้อยก็ไม่มีหนี้ให้ต้องกวนใจ แค่นี้ความสุขก็เกิดได้แบบไม่ยาก"
ขณะที่ นายชาล สร้อยสุวรรณ สมาชิก "กลุ่ม กิ่งก้านใบ" จ.อุตรดิตถ์ อีกหนุ่มนักพัฒนา ที่คลุกคลีกับเยาวชน สะท้อนประสบการณ์แบบเรียบง่าย ทว่าสร้างมูลค่าที่ยิ่งใหญ่กับตัวเขาเองว่า ในอดีตนั้น ความไฟแรงมุมานะในการทำงานของเขา สร้างความเชื่อมั่นในความคิดของตนเกินไป กลายเป็นคนเครียดและโมโหง่าย จนทำให้คนรอบข้างไม่มีความสุขเมื่อร่วม งานด้วย
เฉพาะตัวเองนั้นส่วนหนึ่ง กับอีกมุมหนึ่งของการทำงานเกี่ยวกับเยาวชนซึ่งประสบการณ์ก็สอนนายชาลว่า กับบางเรื่องนั้นการใช้อารมณ์ย่อมไม่เป็นผลดีกับงานที่ทำแม้แต่น้อย
"กับการทำงานกับเยาวชน ถ้าเราแรงไปเขาจะแรงกลับ ถึงเราจะมั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้องแต่ถ้าเยาวชนร่วมงานกับเราเขาไม่เอาด้วย มันก็ถือว่าล้มเหลว นี่คือธรรมชาติ ซึ่งเมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเป้าความเครียดก็ตกที่เรา สาเหตุทำให้ผมเริ่มสำรวจเข้าไปในจิตใจของตนเอง และค้นพบว่าหากยังตั้งเป้าหมายเช่นนี้ คงไม่ทำให้ใครมีความสุข ผมจึงเริ่มเปิดใจ เริ่มมองเห็นคุณค่าของกระบวนการการทำงาน ไม่คาดหวังกับผลลัพธ์ที่ได้ มุ่งแต่ทำให้เต็มที่ ผลจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากัน" เขาเล่าถึงการค้นพบระหว่างทาง
จากความสุขที่คิดว่าอยู่ข้างหน้าจึงเกิดขึ้นทันทีระหว่างทาง