หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน






ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  พระบูชา
  พระเหรียญ
  พระผง
  เครื่องราง
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
CD011 .00  1
CD013 30.00  1
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พึ่งตนพึ่งธรรม:คนสู้น้ำ

    พึ่งตนพึ่งธรรม : คนสู้น้ำ : พระชาย วรธัมโม


              หลังจากน้ำลดฉันเดินไปเยี่ยมร้านขายกระถางและเครื่องปั้นดินเผาหน้าวัด กระถางและเครื่องปั้นดินเผาจมน้ำเสียหายล้มระเนระนาดอยู่ในสภาพที่ไม่น่าจะขายได้อีกต่อไป คนขายพูดน้ำตาคลอว่า มูลค่าประมาณหมื่นกว่าบาท เป็นต้นทุนที่ต้องเสียไป

     
              วันก่อนแฟนของพี่สาวพูดถึงหลานที่กลับไปดูบ้านที่น้ำท่วมว่าหลานเห็นบ้านแล้วก็น้ำตาไหลเหมือนกัน
              ประชาชนที่จอดรถไว้ที่อาคารจอดรถสนามบินดอนเมืองกลับไปดูรถของตนเองที่จอดไว้ถึงกับน้ำตาคลอเบ้าเมื่อพบว่ารถของตนถูกย้ายจากชั้นสองลงมาจอดที่ลานจอดรถชั้นล่างด้วยสภาพเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำท่วมยับเยิน
              ฉันเองก็ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าไปพักหนึ่ง เมื่อพบว่าหนังสือจำนวนมากกว่าร้อยเล่มต้องจมเสียหายอยู่ใต้น้ำ
              เวลานี้ไม่มีใครที่ไม่ร้องไห้
              น้ำท่วมได้แปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาไปแล้ว
              ยิ่งเมื่อฉันเดินดูตลาดรังสิต ตลาดสี่มุมเมืองที่เคยนั่งรถผ่านบ่อยๆ ร้านรวงมีน้ำท่วมระดับอกไปทั่วทุกตึก ยิ่งชวนให้รู้สึกหดหู่น้ำตาซึม ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่เจ้าของกิจการ แต่เมื่อเห็นสภาพเหล่านั้นก็เข้าใจความรู้สึกของเจ้าของกิจการดีว่าเจ้าของกิจการจะรู้สึกอย่างไรกับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า
              คงเป็นไปไม่ได้หรอกที่น้ำท่วมแล้วจะไม่ท่วมใจไปด้วย เพียงแต่จะท่วมอย่างไรให้ท่วมแล้วสามารถลุกขึ้นมาสู้ต่อไปได้ต่างหากล่ะ หรือท่วมอย่างไรไม่ให้ซึมเศร้าเนิ่นนานเกินไป เพราะหากซึมเศร้านานเกินไปย่อมมีผลกระทบหลายอย่าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการจะซึมเศร้านานหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการน้ำของภาครัฐด้วย
              หากภาครัฐมัวแต่ยึกยักผันน้ำล่าช้า มีการกั๊กน้ำด้วยบิ๊กแบ็กกั้นนู่นกั้นนี่ การท่วมขังก็ยิ่งกินเวลานาน ก็มีหวังว่าน้ำก็ต้องท่วมใจกันยาวนานไปด้วย การพูดว่าน้ำท่วมแล้วอย่าให้น้ำท่วมใจจึงดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากน้ำที่ท่วมนั้นกลายสภาพเป็นน้ำเน่าสีดำมีกลิ่นเหม็นพร้อมด้วยมีขยะอุจจาระมาลอยหน้าลอยตาให้เห็นแถวหน้าบ้าน อย่างนี้ถ้าน้ำไม่ท่วมใจก็ถือว่าเป็นสุดยอดมนุษย์ไปแล้ว
              ฉันคิดว่าน้ำท่วมปีนี้มันมีลักษณะแปลกๆ อย่างไรชอบกล เมื่อเกิดน้ำท่วมหนักจากจังหวัดที่อยู่ตอนเหนือ แล้วน้ำก็ไหลบ่าลงมาตามจังหวัดที่อยู่ต่ำกว่าไล่ลงมาเรื่อยๆ  ทีละจังหวัดๆ จมโรงงานอุตสาหกรรมไปแล้วเป็นร้อยๆ แห่งทีละจังหวัดๆ จนกระทั่งมาถึงจังหวัดที่ฉันอยู่คือปทุมธานี ซึ่งในที่สุดก็ไม่รอดเหมือนกัน เพราะเป็นจังหวัดที่ตั้งขวางทางเดินของน้ำ
              วิธีการทำงานของภาครัฐก็ดูประหลาดๆ อย่างไรชอบกลเมื่อเราเห็นแล้วรู้อยู่แล้วว่าน้ำไล่ลงมาเรื่อยๆ จากจังหวัดหนึ่งสู่จังหวัดหนึ่ง ระดับน้ำท่วมสูงถึงระดับอก ก็น่าจะมีมาตรการเตือนภัยประชาชนในจังหวัดที่อยู่ต่ำกว่าให้เตรียมการล่วงหน้า มีแต่บอกว่าเอาอยู่ๆ และที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือเราไม่เห็นการทำงานที่เชื่อมต่อกันระหว่างจังหวัดหนึ่งกับจังหวัดหนึ่ง แต่กลับเห็นการทำงานแต่ละจะหวัดที่แยกทำงานกันเป็นส่วนๆ ไม่สอดคล้องประสานงานกันในขณะที่น้ำทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวแต่แผ่กระจายไปทั่ว
              เราจึงไม่เห็นการเตรียมงานขุดลอกหรือระบายน้ำออกจากคลองเพื่อเตรียมรับส่งน้ำกันตั้งแต่เนิ่นๆ เราไม่เห็นการประสานงานตรงนี้ตั้งแต่น้ำเริ่มท่วมจังหวัดต้นๆ ลงมา ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่หรือว่ามัวแต่ตกตะลึงไปกับน้ำที่ไหลบ่าเข้ามา
              จวบจนกระทั่งน้ำได้ท่วมผ่านไปหลายจังหวัดแล้ว เราจึงค่อยเห็นการทำงานที่เริ่มจะมาประสานงานกัน แต่การมาประสานงานกันก็กลับทำให้เราได้เห็นภาพการทำงานที่ต่างฝ่ายก็ขัดแย้งกันเองอีก
    อีกทั้งการวางพนังกระสอบทรายหรือการวางบิ๊กแบ็กเพื่อกั้นกระแสน้ำไม่ให้ไหลผ่านกลับสร้างความขัดแย้งให้กับคนที่อยู่เหนือบิ๊กแบ็กกับคนที่อยู่ใต้บิ๊กแบ็ก เราได้เห็นความขัดแย้งทุกครั้งที่มีการกั้นทางผ่านของน้ำด้วยวิธีนี้
              คนที่คิดค้นวิธีกั้นทางเดินของน้ำด้วยการกั้นกระสอบทรายหรือบิ๊กแบ๊กก็ดี น่าจะตระหนักรู้ถึงความไม่เท่าเทียมกันระหว่างคนอยู่เหนือน้ำกับคนอยู่ใต้น้ำ เพราะมันนำไปสู่ความขัดแย้งอันรุนแรงระหว่างคนสองฝ่ายอยู่เสมอจนหน่วยงานของภาครัฐน่าจะยุติการใช้วิธีนี้เสียที แต่ก็พบว่ามีการดันทุรังใช้วิธีการเช่นนี้อยู่ต่อไปซึ่งในที่สุดเราก็พบเห็นความขัดแย้งทุกครั้งที่มีการกั้นทางเดินของน้ำในลักษณะนี้ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับปัญหาการสร้างเขื่อนที่เคยเป็นมา เพียงแต่ครั้งนี้เปลี่ยนจากเขื่อนมาเป็นถุงบิ๊กแบ็กแค่นั้นเอง
              เป็นเรื่องเศร้าเหลือเกินนอกจากน้ำท่วมบ้าน น้ำท่วมใจแล้ว คนก็ยังต้องมาขัดแย้งกันเองอีก
    รถยนต์ที่ประชาชนฝากไว้ที่สนามบินดอนเมืองที่หวังว่าจะพบกับความปลอดภัยเมื่อเจ้าหน้าที่ภาครัฐบอกว่าปลอดภัยแน่นอนแต่ก็ต้องพบกับสิ่งที่ตรงกันข้าม
              ในที่สุดแล้วในยามวิกฤติอุทกภัยเช่นนี้ เราไม่อาจเชื่อใครได้เลย นอกจากเชื่อ “ตัวเราเอง” ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
              การที่ประเทศของเราพัฒนามาถึงขั้นศิวิไลซ์ เจริญไปด้วยวัตถุธรรมเช่นนี้ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากว่า ในที่สุดแล้วเราก็ต้องสูญเสียอะไรหลายๆ อย่างไปในราคาที่แสนแพง
              ภาพกรุงเทพฯ น้ำท่วมเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๕ ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกันได้กับน้ำท่วมใน พ.ศ.นี้ หากน้ำท่วมมีปริมาณเท่ากัน กรุงเทพฯ สมัยนั้นย่อมเสียหายน้อยกว่าสมัยนี้  เพราะกรุงเทพฯ ในสมัยนั้นมีแต่ทุ่งนา รถราก็มีไม่กี่คัน ไม่ต้องหนีขึ้นไปจอดบนทางด่วนเพราะทางด่วนก็ยังไม่มีให้วิ่ง และกรุงเทพฯ ก็ไม่ได้มีคนเป็นล้านๆ คนเหมือนในเวลานี้ ในขณะที่ปัจจุบันกรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่กันอย่างหนาแน่น ตึกรามโอ่อ่าหรูหรา การจราจรคับคั่ง และคลาคล่ำไปด้วยทุนนิยม บริโภคนิยม
    ไม่ว่าเราจะพัฒนาตัวเองให้ก้าวล้ำไปในอนาคตสักเท่าไร มีวัตถุธรรมที่ทันสมัยเพียงใด พวกเราก็ยังตัวเล็กกว่าธรรมชาติอยู่ดี
              ภาพของคนตัวเล็กๆ ที่พยายามต่อสู้กับน้ำ เมื่อน้ำบุกป่าฝ่าดงไปทางทิศไหน คนตัวเล็กๆ เหล่านั้นก็พยายามนำกระสอบทรายมาขวางกั้นไม่ให้น้ำไหลผ่านไปได้ กระสอบทรายเป็นแสนๆ ล้านๆ ใบถูกนำมาเรียงเป็นกำแพงกั้นน้ำติดต่อกันเป็นร้อยๆ กิโลเมตรใบแล้วใบเล่า ฉันคิดว่าถ้านำกระสอบทรายเหล่านั้นมาวางเรียงต่อกันรอบชายแดนประเทศไทยน่าจะเรียงเป็นรูปขวานทองได้หนึ่งรอบทีเดียว
              กระสอบทรายจำนวนแสนๆ ล้านๆ ใบ ถูกนำออกมาบรรจุทรายตลอดเวลา ไม่น่าเชื่อว่าในโรงงานยังมีกระสอบทรายเก็บไว้ในสต็อกจำนวนมากมายมหาศาล และไม่น่าเชื่อว่าดินทรายจำนวนมากมายมหาศาลถูกนำมาบรรจุใส่กระสอบทรายได้อย่างไม่มีวันหมด
              อีกทั้งแรงใจของคนไทยที่มาร่วมกันตักทรายใส่กระสอบอย่างไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยทั้งวันทั้งคืน
    ทั้งหมดนี้ทำให้นึกฉันถึงเรื่องราวของ ‘พระมหาชนก’ ที่พยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่งถึงแม้จะไม่รู้ว่าฝั่งอยู่ไหนก็ยังคงว่ายต่อไปได้ทั้งวันทั้งคืน


    • Update : 19/12/2554
    © Copyright 2011 www.watbangwaek.com All rights reserved